3| | |ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของอัญชลี เรือนใจมั่น นะคะ| | |4>>

มารู้จักโรคไซนัสอักเสบกัน


ไซนัสอักเสบ Sinusitis

ไซนัสคืออะไร
ไซนัส (Sinus) เป็นโพรงอากาศในกระดูกใบหน้าอยู่บริเวณรอบๆจมูก และมีท่อซึ่งจะเปิดในช่องจมูก ในโพรงอากาศ หรือไซนัสนี้ จะมีเยื่อบุซึ่งเป็นชนิดเดียวกับเยื่อบุช่องจมูกและติดต่อกันโดยผ่านรูเปิดเล็กๆ ภายในไซนัสจะมีเยื่อเมือก ซึ่งจะให้ความอบอุ่น และความชื้นกับอากาศที่ผ่านเข้าไปไซนัสมี 4 คู่ ได้แก่
  1. ไซนัสบริเวณโหนกแก้ม 2 ข้าง Maxillary sinusไซนัส
  2. ไซนัสระหว่างลูกตาบริเวณ หัวตา 2 ข้าง ethmoid sinus
  3. ไซนัสบริเวณหน้าผากใกล้กับหัวคิ้ว 2 ข้าง frontal sinus
  4. ไซนัสที่อยู่ในกะโหลกศีรษะ ใกล้ฐานสมอง sphenoid sinus
ไซนัสมีหน้าที่อะไร
  • เนื่องจากไซนัสเป็นโพรงอากาศ ดังนั้น จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ศีรษะของเราเบาขึ้น
  • เวลาพูดมีเสียงก้องกังวานขึ้น
  • และขณะเดียวกันเยื่อบุของไซนัสและจมูกจะผลิตน้ำมูกเมือกใสๆ ประมาณวันละ ๐.๕-๑ ลิตร เพื่อดักจับฝุ่นละอองและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ในอากาศที่เราหายใจเข้าไป ขณะเดียวกันบนเยื่อบุเหล่านี้จะมีขนเล็ก (cilia) ที่คอยพัดโบกเอาน้ำมูกเหล่านี้ลงไปทางด้านหลังของจมูก สู่ช่องคอและเมื่อพลัดลงคอเราก็จะกลืนลงไป จากนั้นกรดในกระเพาะก็จะทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ให้หมดไป
  • ไซนัสจะทำหน้าที่ปรับอากาศที่เราหายใจเข้าไป อากาศก็จะผ่านบริเวณจมูกที่มีเยื่อบุต่อกับเยื่อบุไซนัสปกติเหล่านี้ ซึ่งจะช่วยถ่ายเทความร้อนและความชื้นจากหลอดเลือดบนผิวเยื่อบุ ทำให้อากาศอุ่นและชื้นขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับร่างกายของคนเรา
ไซนัสอักเสบ
หมายถึงการที่ไซนัสมีการอักเสบ สำหรับเชื้อที่เป็นสาเหตุมีทั้งเชื้อไวรัส และเชื้อแบคที่เรียแบ่งไซนัสอักเสบเป็น
  • ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน Acute sinusitis เป็นการอักเสบเฉียบพลันมักจะหายภายในเวลา 4 สัปดาห์ และเป็นน้อยกว่า 4 ครั้งต่อปี
  • ไซนัสอักเสบเรื้อรังมักจะเป็นนานเป็นนาน 3 เดือน และเป็นมากกว่า 4 ครั้งต่อปี หรือสาเหตุอาจจะเกิดจากเนื้องอกที่จมูก nasal polyps หรือ tumors, โรคภูมิแพ้ allergies การติดเชื้อทางเดินหายใจ respiratory tract infectionsซึ่งอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา
สาเหตุของไซนัสอักเสบ
ตามปกติไซนัสทั้งหลายจะมีทางเชื่อมต่อกับจมูก ซึ่งทางเชื่อมต่อนี้จะเปิดโล่งและน้ำมูกใสๆใหลตลอดเวลา ที่มีการสร้างอยู่ในไซนัสก็สามารถไหลระบายลงสู่โพรงจมูกได้ แต่ถ้าหากทางเชื่อมดังกล่าวเกิดการอุดกั้นขึ้นมาด้วยสาเหตุใดก็ตามก็จะทำให้เกิดไซนัสอักเสบได้
  • สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจโรคหวัด ซึ่งจะไปทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบ และอาจจะลามเข้าไซนัสซึ่งทำให้ไซนัสอักเสบจากเชื้อไวรัสในระยะแรก ซึ่งหากมีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนก็ทำให้เกิดไซนัสอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย หากเป็นซ้ๆก็กลายเป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง
  • มีเพียงส่วนน้อยที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
  • สาเหตุอื่นๆ
    • ภูมิแพ้
    • มลภาวะ (สารเคมี และสารระคายเคือง)
    • การติดเชื้อรา
    • ความผิดปกติของโครงสร้างในจมูก มีริดสีดวงจมูก เนื้องอก
    • มีภูมิอ่อนแอ
    • การที่มีอารมณ์แปรปรวน มีความเครียดสูง ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลงก็จะทำให้เกิดโรคไซนัส อักเสบ
    • การว่ายน้ำหรือดำน้ำ มีการสำลักน้ำซึ่งอาจจะมีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนก็เป็นสาเหตุของไซนัสอักเสบ
    • การติดเชื้อของฟันโดยเฉพาะฟันผุบริเวณฟันกรามแถวบน
    • อุบัติเหตุทำให้ไซนัสแตกหัก
    • มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก เช่น เมล็ดผลไม้
อาการและอาการแสดงของโรคไซนัสอักเสบ
  • จะมีอาการปวดหน่วงๆ ตามจุดไซนัส เช่น หน้าผาก หัวตา โหนกแก้ม หรือรอบๆ กระบอกตา ถ้าเอานิ้วกดหรือ เคาะแรงๆ ตรงไซนัสที่อักเสบก็จะเจ็บ
  • ตำแหน่งที่ปวดศีรษะจะขึ้นกับว่าไซนัสบริเวณไหนอักเสบ
    • ไซนัสส่วนที่เรียกว่า Frontal sinusitis ซึ่งอยู่บริเวณหน้าผาก- จะมีอาการปวดศีรษะบริเวณหัวคิ้ว
    • ไซนัส Maxillary sinusitis ซึ่งอยู่บริเวณโหนกแก้ม- จะปวดศีรษะบริเวณแก้ม ฟันบน และบริเวณขากรรไกรซึ่งอาจจะเข้าใจผิดว่าปวดฟัน
    • ไซนัสบริเวณ Ethmoid sinusitis - จะปวดศีรษะบริเวณรอบตา และข้างจมูก
    • ไซนัสบริเวณ Sphenoid sinusitis -จะปวดบริเวณรอบตาอาจจะมีอาการปวดหู
  • ปวดศีรษะ อาการปวดมักเป็นมากในตอนเช้าหรือบ่าย และเวลาก้มศีรษะ หรือเปลี่ยนท่า
  • ผู้ป่วยจะมีน้ำมูกเป็นหนองข้นสีเหลืองหรือสีเขียว น้ำมูกจะไหลลงคอ หรือเวลาสูดจมูกแรงๆ จะมีหนองไหลลงหลังคอ
  • คัดจมูก และมีน้ำมูกไหล น้ำมูกไหลลงคอ มีการคัดแน่นจมูกหรือหายใจมีกลิ่นเหม็นคาว
  • มีอาการ ปวดหู หูอื้อ เนื่องจากการอุดตันของท่อยูสเตเชี่ยนทำให้ความดันในไซนัสสูงกว่าอากาศ
  • เจ็บคอ
  • มีไข้
  • ไอ มีกลิ่นปาก
  • อ่อนเพลีย
ผู้ที่เสี่ยงต่อไซนัสอักเสบ
  • คนที่เป็นหวัดทำให้เยื่อเมือกบวมซึ่งอาจจะอุดทางเดินของท่อ
  • คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูกเยื่อบุจมูกจะบวม รูเปิดไซนัสจะตีบตันทำให้เกิดการอักเสบในไซนัสได้
  •  คนที่มีความผิดปกติของช่องจมูกเช่น ผนังกั้นระหว่างช่องจมูกคด ทำให้ช่องจมูกแคบกว่าปกติเกิดอาการแน่นคัดจมูก และขัดขวางการไหลเวียนตามปกติของน้ำมูกที่จะไปทางด้านหลังทำให้มีโอกาสเกิดการอักเสบติดเชื้อง่ายขึ้น
  • คนที่สูบบุหรี่และคนที่อยู่ในเขตมลภาวะเป็นพิษจะมีผลทำให้ภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อลดลง
  • การว่ายน้ำสระที่ใส่น้ำยาคลอรีน หรือฆ่าเชื้อด้วยโอโซนอาจทำให้มีโอกาสเป็นไซนัสอักเสบเกิดขึ้น เพราะว่ามีการระคายเคืองของเยื่อบุเกิดขึ้น
  • มีโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
การวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบ
การวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบของแพทย์จะอาศัยประวัติการเจ็บป่วย การตรวจร่างกาย และการตรวจพิเศษ
ประวัติอาการเจ็บป่วยได้กล่าวไว้ข้างต้น
สำหรับการตรวจร่างกายแพทย์จะให้อ้าปากซึ่งอาจจะพบหนองหรือมูกที่ด้านหลังของคอ และเยื่อบุด้านหลังของคอจะแดง แพทย์จะกดบริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม หัวตา หากมีอาการเจ็บอาจจะมีการอักเสบของไซนัสนั้น
สำหรับการตรวจพิเศษไซนัสอักเสบ
  • แพทย์จะตรวจไซนัสด้วย x-ray ธรรมดาก็จะเห็นว่ามีน้ำในไซนัส
  • การตรวจด้วยการส่องกล้อง Nasal endoscopy
  • การตรวจไซนัสด้วยการตรวจ x-ray computer ซึ่งจะได้รายละเอียดมาก
  • การถ่ายภาพไซนัสด้วย MRI
  • การส่องกล้องเข้าไปดูในไซนัส Sinuscopy
เป็นไซนัสอักเสบเมื่อไรจึงจะพบแพทย์
  • ไข้มากว่า 38 องศา
  • มีอาการมากกว่า 10 วัน
  • เป็นไซนัสอักเสบหลายครั้งในปีที่ผ่านมา
  • รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น
อันตรายจากไซนัสอักเสบ
  • การติดเชื้อในไซนัสอาจจะลุกลามไปยังอวัยวะสำคัญใกล้เคียงได้ คือ ตาและสมองเช่นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีในสมอง ซึ่งถือว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย
  • รายที่มีอาการเรื้อรังอาจจะมีความสัมพันธ์กับโรคทางปอด หลอดลมอักเสบ ไอเรื้อรัง หอบหืด และหูชั้นกลางอักเสบได้
การป้องกันการเกิดไซนัสอักเสบ
  • ล้างมือบ่อยๆ
  • ฉีดวัคซีนให้ครบ
  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนที่เป็นหวัด หรือติดเชื้อทางเดินหายใจ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือควันบุหรี่
  • ใช้เครื่องกรองอากาศทำความสะอาดของอากาศ
  • ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค
  • พักผ่อนให้พอ อย่าอดนอน หรือนอนดึกบ่อยๆ เพราะถ้าร่างกายอ่อนแอเมื่อไรโอกาสที่จะติดเชื้อต่างๆ ก็เกิดขึ้นได้ง่าย
  • พยายามดูแลตัวเองอย่าให้เป็นหวัด เพราะผลจากการเป็นหวัดร้อยละ ๒-๕ สามารถเป็นไซนัสอักเสบได้
  • กินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบหมวดหมู่
  • งดการดื่มเหล้า และสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ
กรณีที่สงสัยว่าไซนัสอักเสบจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
ในกรณีที่สงสัยว่าไซนัสอักเสบจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียก็จำเป็นจะต้องให้ยาปฏิชีวนะเช่น
  • อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin)
  • หรือ โคไตรม็อกซาโซล (co-trimoxazole)
  • ยาวนานประมาณ ๑๐ วัน
  • ยาลดน้ำมูก ยาแก้ปวด ไม่ควรใช้ยาแก้แพ้ในระยะนี้ เพราะจะทำให้น้ำมูกข้นเหนียวขึ้น แต่ถ้าเป็นภูมิแพ้มาก่อนให้กินยาแก้แพ้
หลักการรักษาไซนัสอักเสบ
หลักการรักษาไซนัสอักเสบประกอบไปด้วย
  1. การรักษาทั่วๆไป
  2. การรักษาการโรคติดเชื้อ
  3. การทำให้การระบายของโพรงอากาศดีขึ้น
  4. รักษาโรคหรือสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง
การรักษาทั่วๆไป
  • ให้กินน้ำเพียงพอ อย่าให้จมูกแห้ง
  • ยาแก้ปวด
  • ยาลดน้ำมูก
  • ต้องพักผ่อนให้พอ
  • ดื่มน้ำมากๆ
  • อยู่ในสถานที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี มีความชื้นพอเพียง
  • ออกกำลังกายตามความเหมาะสม
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • รับประทานยาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวด และยาลดน้ำมูก (decongestants)
การรักษาโรคติดเชื้อ
การทำให้การระบายของโพรงอากาศดีขึ้น
  • ยาแก้คัดจมูก ได้แก่ ยาในกลุ่ม Decongestants ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อลดบวม มีทั้งชนิด กิน พ่น และหยอดจมูก มีข้อเสียคือ ถ้าใช้ต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์ เนื้อเยื่อจะกลับ มาบวมอีกได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้พ่น ในรายไซนัสอักเสบเฉียบพลัน แนะนำให้ใช้ยาพ่นใน 2-3 วันแรกเท่านั้น
  • ยาละลายมูก มีฤทธิ์ละลายมูกโดยตรง เช่น Bromhexine, และ Ambroxol hydro chloride เชื่อว่านอกจากจะช่วยละลายมูกและหนองให้ไหลออกง่ายขึ้นแล้ว
  • การล้างไซนัส
รักษาโรคหรือสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง
เป็นการรักษาที่ต้นเหตุ เช่นหากมีริดสีดวงจมูกก็ผ่าตัด หรือจมูกผิดรูปก็ต้องผ่าตัดแก้ไขเป็นต้น
การรักษาไซนัสอักเสบเรื้อรัง
  • ให้ทานน้ำเพียงพอ
  • ยาแก้ปวด
  • ยาลดน้ำมูก
  • 2nd gen. แอนติฮิสตามีน   (antihistamine) ถ้าคิดว่ามีโรคภูมิแพ้ด้วย
  • ให้คอร์ติโคสตีรอยด์ (cortico-steroid)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น